1.อธิบายความหมาย และประโยชน์ของสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ในภาพรวม
อนุญาตให้บุคคลอื่นสามารถกระท าบางอย่างกับผลงานสร้างสรรค์ ของตนเองได้
วัตถุประสงค์ของสัญญานี้เพื่อให้เจ้าของผลงานอันมีลิขสิทธิ์สามารถแสดงข้อความอันอำนวยความสะดวกให้สาธารณชนรู้ถึงสิทธิ์ในผลงาน และทราบว่าจะนำงานอันมีลิขสิทธ์ของตนไปใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตและไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ โดยผู้ที่นำผลงานไปใช้ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เช่น อ้างอิงแหล่งที่มา ไม่ใช่เพื่อการค้า ไม่ดัดแปลงต้นฉบับ เป็นต้น
2.อธิบายความหมายของสัญลักษณ์ที่เลือกใช้
CC – BY -SA ให้เผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุที่มาและต้องเผยแพร่งานดัดแปลงโดยใช้สัญญาอนุญาตเดียวกัน
เลือกใช้เพราะ บทควาเป็นบทความที่สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ของคนที่สนใจอยากจะศึกษา
แต่ต้องการให้เครดิตผลงานเพราะเรามีการลงทุน และเพื่อให้บทความเราไม่ถูกแอบอ้าง
วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
วิชาเรียนของเด็ก ภาพยนตร์ ม.รังสิต
หลายๆคนที่สนใจในสาขานีร้คงเคยจะเข้าไปดูรายวิชาที่เรียนกันบ้างแล้ว
คงสงสัยว่าในแต่ละวิชาเรียนอะไรบ้าง และเป็นยังไงบ้าง
วันนี้เราจะมาบอกความรู้สึกโดยตรงของที่เราเรียนว่าเป็นยังไง
เราต้องขอเกริ่นไว้ก่อนว่าหลักสูตรของสาขาจะเปลี่ยนไปตามพัฒนาการของสื่อสารมวลชน
เช่น เมื่อก่อนใช้ฟิล์ม ก็จะมีหลักสูตรเรียนถ่ายหนังด้วยฟิล์ม แต่เมื่อมาในสมัยนี้ฟิล์มไม่มีแล้วหลักสูตรก็เปลี่ยนไปตาม
วิชาจะแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ
หมวดวิชาศึกษาทั่วไป - เป็นตัวนอกคณะที่บังคับเรียนหมวดวิชาเฉพาะ - ตัวเรียนในคณะแบบ บังคับและแบบเลือกหมวดเสรี- เราจะเรียนอะไรก็ได้เราจะขอเจาะไปที่ตัวในสาขาเท่านั้นเพราะตัวอื่นๆนั้นไม่ค่อยมีอะไรมากเรียนจดเล็คเชอร์ธรรมดา
ปี1
เราจะไม่ค่อยได้ปฏิบัติมากนักส่วนมากจะเป็นทฤษฎีเพื่อปูฐาน
อย่างเช่น
วิชา MPV111 คือเรียนรู้เกี่ยวกับภาพยนตร์เบื้องต้น
ขอบอกเลยว่าวิชานี้เรียนแล้วจะเป็นจุดเริ่มต้นของการดูหนังที่เปลี่ยนไป 555
เพราะเราจะคิดและวิเคราะห์ตลอดเวลา
วิชาจะสอนแนวคิด ทฤษฎี ประวัติ และทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับภาพยนตร์
ทำให้เราสามารถนำปรับไปใช้ในการวิเคราะห์ดูหนังได่
วิชา MPV 131 คือวิชาการแสดง วิชานี้ถ้าใครขี้อาย แย่แน่ๆ เพราะเราต้องออกมาแสดงต่อหน้าเพื่อนๆ
แต่วิชานี้ทำให้เราสามารถเข้าใจตัวละครได้มากขึ้น
เราจะมีหลักการในการแสดงเพืท่อไปกำกับนักแสดงในอนาคต ถ้าใครชอบจะสนุก แต่ถ้าใครที่ขี้อายจะเกลียดไปเลย
ปี2
เราจะเริ่มมีทฤษฎีกับปฏิบัติปะปนกับบ้างซึ่งก็ถือว่ายังไหว้อยู่
MPV223 - เขียนบทเบื้องต้น วิชานี้เป็นวิชาที่เราชอบมาก รู้สึกรอเรียนทุกอาทิต
มันสนุก เราได้คิด ได้จินตนการ และเราเห็นผลว่าเราเขียนบทได้เก่งขึ้นจริงๆ
อะไรที่เราคิดว่าดี อาจารย์จะติทำให้เรามองเห็นถึงขอบกพร่อง
วิชานี้เราทำให้เรารู้ว่าเรารักการเขียนบท
MPV 231 วิชาจัดแสง เป็นวิชาที่เราจะได้ถ่ายหนัง ออกกองครั้งแรกกับเพื่อนๆ
เราจะได้เรียนรู้การใช้อุปกรณ์จัดไป วิธีการจัดไฟ และการสื่ออารมณื
เราได้ใช้อุปกรณ์เต็มที่ พร้อมสตู ต้องขอเตือนว่าสตูหนาวมาก
แต่เป็นอีกวิชาที่สนุกเช่นกัน ถ้าใครชอบก็จะเก่งการจัดแสดงจาดวิชานี้ไปเลย
MPV 224 - เขียนบทขั้นสูง สำหรับเรา เราว่ามันคลายๆกับขั้นต้น แต่เราต้องเขียนให้เป็นหนังที่ยาวขึ้น
เป็นบทหนังจริงๆ ต่างจาก เบื้องต้นที่เขียนเป็หนังสั้น
MPV 224 เตรียมงานสร้าง คือวิชาที่ทำเอกสาร สอนการวางแผนก่อนถ่ายทำจริง
วิชานี้เป็นวิชาที่ค่อนข้างจะไม่ชอบ เพราะต้องทำเอกสารซึ้งเด็กส่วนมากจะไม่ชอบกัน
แต่วิชานี้ทำให้เราได้ฝึกวิธีการวางแผนและเข้าใจคำศัพภาพยนตร์มากขึ้น
MPV 331 ผลิตวิดิทัศน์1 วิชานี้เป็นวิชาที่เราจะได้ทำหนังจริงๆออกกองจริงๆ ซึ่งเป็นวิชาที่ค่อนข้างในใหญ่มาก
ในความคิดเรา เราทุ่มเวลาส่วนมากให้กับวิชานี้ วิชานี้จะมี2งานคือการทำหนัง ภายใน 10shot กับ ภาพยนตร์สั้นประกอบเพลง
MPV 322 วิจารณ์ภาพยนตร์ วิชานี้เราจะได้วิจารณ์ภาพยนตร์และเรียนรู้หลักการในการคิดวิเคราะห์
ดูว่าหนังไหนดีหนังไหนไม่ดี และวิเคราะห์บทความวิจารณ์ที่เราเห็นๆกันทั่วไป
วิชานี้สำหรับเราเฉยๆ ไม่ถึงกับเกลียดไม่ถึงกับชอบ
MPV 332 ผลิตวิดิทัศน์2 วิชานี้จะเริ่มยากมากขึ้นจากอันแรก คือมี2งาน คือทำรายการ กับละคร
วิชานี้เราไม่อิน เราไม่ชอบมาก เพราะเราเป็นคนไม่ดูทีวีเราไม่มีภาพในหัว ซึ่งสำหรับเรามันยากมาก
แต่ถ้าใครที่ชอบดูทีวีน่าจะสนุกกับการได้ทำรายการตลกๆกับเพื่อนๆ
MPV333 ผลิตภาพยนตร์1
วิชานี้คือวิชาสอนเราผลิตหนังโดยตรง คือเราจะได้ทำหนังจริงๆจากวิชานี้ โดยเอาความรู้ที่เรียนมาทั้งหมดมาใช้ งานจะมี2งาน คือหนัง1ฉาก กับหนังสั้น
วิชานี้คือวิชาสอนเราผลิตหนังโดยตรง คือเราจะได้ทำหนังจริงๆจากวิชานี้ โดยเอาความรู้ที่เรียนมาทั้งหมดมาใช้ งานจะมี2งาน คือหนัง1ฉาก กับหนังสั้น
ซึ่งอาจารย์จะติงานเราให้เราไปปรับปรุง
MPV 335 วิชากำกับ วิชานี้ค่อนข้างยาก เพราะนอกจากเราจะเข้าใจหนังเราแล้ววิชานี้สอนให้เราเข้าในตัวละครและองค์ประกอบของหนังที่เราจะสร้างให้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเราต้องเจาะลึกถึงความคิดตัวละครที่เราสร้าง
ว่าคนแบบนี้จะพูดยังไง ทำท่าทางยังไง ซึ่งวิชานี้เป็นวิชาที่เราเขียนบทแล้วเถียงกับเพื่อนมากที่สุด
MPV 334 วิชาตัดต่อ เรียนรู่้หลักการในการตัดต่อ วิธีการตัดต่อ วิชานี้เรายังไม่ได้เรียนแต่เพื่อนๆบอกว่าไม่ยาก
MPV 431 ผลิตภาพยนตร์2 คือการทำหนัง30นาที มีงานชิ้นเดียว
MPV436 วิชาทำเสียง คือเราจะได้เรียนรู้เสียงเพื่อสร้างภาพยนตร์ เรียนรู้เสียงที่สื่ออารมณ์ การใช้เสียง
ซึ่งเสียงก็เป็นสิ่งสำคัญในภาพยนตร์เช่นกัน
นี้คือทั้งหมดของวิชาในสาขา นอกจากนั้นจะมีฝึกงาน และทำ Thesisจบ คือการเราจะทำอะไรก็ได้ที่เราเรียนมาส่ง
หวังว่าข้อมูลวิชาต่างๆ จะทำให้น้องๆที่สนใจตัดสินใจกันได้มากขึ้น
อ้างอิง
สาขาภาพยนตร์ (2559). วิทยลัยานิเทศศาสตร์.
สืบค้นจาก hhttp://ca.rsu.ac.th/B-Motion-Picture-Video-th.aspx
สืบค้นจาก hhttp://ca.rsu.ac.th/B-Motion-Picture-Video-th.aspx
Q & A เด็ก Film รังสิต
วันนี้เราจะ Q & A กัน
หรือก็คือตอบคำถามที่หลายๆคนสงสัย
หรือก็คือตอบคำถามที่หลายๆคนสงสัย
จากบทสัมภาษณ์ ของ นาย พงศ์พิทักษ์ ไพฑูรย์
เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิธยาลัยกรุงเทพธนบรีและอาจารย์สอนพิเศษอยู่ที่มหาวิธยาลัยรังสิต และเป็นศิษเก่าของมหาลัยรังสิต
เรียนภาพยนตร์จบไปมีงานทำ?
-ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่ามีความสามารถแค่ไหน ถ้าขยันตั้งใจ
มีประสบการณ์ก็มีงานทำแน่นอน ยิ่งในตอนนี้ช่องทางวงการบันเทิงมีหลากหลายมากมายทำให้มีความต้องการบุคลากรที่มากขึ้น
และตำแหน่งที่ต้องการมากที่สุดในประเทศไทยคือ คนเขียนบท
คนที่สนใจที่จะสมัครเข้าเรียน
-ควรเช็คตัวเองให้ดีๆก่อนว่าชอบจริงไหมเพราะม.รังสิตสอนทำจริง
ออกกองจริง ซึ้งมันจะหนักมากๆ ถ้าใจไม่รักจริงจะเรียนยาก
สังคมในสาขาภาพยนตร์ม.รังสิต
-มีความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องสูง
ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบันทำให้เราเข้ามามีพี่เรียกไปทำงาน
หรือรุ่นพี่มาช่วยรุ่นน้อง ทำให้เป็นเหมือนครอบครัวที่อบอุ่น และจบไปก็สามารถมีconnection
ในการทำงานได้ เพราะเมื่อเรารู้จักกัน เขาก็จะช่วยเรียกกันไปทำงาน
มาม.รังสิตได้ connection ในวงการภาพยนตร์ไหม?
รุ่นเราก็เยอะมีตั้ง25รุ่นถ้าถามว่ามีไหม? มันก็มีแต่
connection เราก็ไม่ได้ดีเลิศเล่อถ้าเราเก่งไม่จริงต่อให้มี connection ก็ไม่รอด
มันต้องอยู่ที่ตัวเราด้วย
แต่เด็กม.รังสิตส่วนมากจบมาจะไปอยู่ในสาย production ซะส่วนใหญ่
ม.รังสิตเราไม่ค่อยผลิตผู้กำกับออกไปซะเท่าไร
เด็กที่สนใจอยากเข้าภาพยนตร์รังสิตควรเตรียมตัวยังไง?
ควรเช็คตัวเองดีๆก่อนว่าชอบไหม รักมันจริงๆรึปล่าว
เพราะปัณหาของมันคือ การเรียนภาพยนตร์ที่ม.รังสิต มันไม่ได้เรียนสบาย
บางคนเข้าไปแล้วเนี้ยพึ่งจะเข้าใจตัวเองว่ามันเหนื่อย ต้องมายกของแบกของ
แต่ถ้าเราเข้าใจว่าขั้นตอนมันต้องทำงานเหนื่อย เพราะทุกคนที่มาเรียนม.รังฃสิตมันต้องมีการออกกอง
และเราเป็นนักศึกษาเราไม่มีเงินขนาดนั้น เราเลยต้องแบ่งงานกัน ว่าใครเป็นทีมไฟ
ตากล้อง ผู้ช่วยfollow producer ผู้กำกับ นั้นก็หมายความว่าคุณต้องเอาเงินส่วนตัวของคุณมาทำหนัง
ม.รังสิตเรามีอุปกรณ์ค่อนข้างดี
แต่อยู่ที่ว่านักศึกษาจะนำมันมาใช้ได้มากน้อยเพียงใด
ถึงมันจะเหน่าอยแต่ถ้าเราชอบยังไงเราก็จะผ่านมันไปได้
สรุปแล้วคือ
นักเรียนที่สนใจอยากจะเข้ามาเรียนม.รังสิตควรจะเช็คตัวเองให้ดีๆก่อน
เพราะภาพยนตร์มันไม่ได้ง่ายสวนหรูอย่างที่ใครหลายๆคนคิด
จบจากมหาวิทยาลัยรังสิต รู้สึกยังไงบ้าง แล้วได้อะไรจากมหาลัยนี้?
ป.โท ผมรู้สึกเฉยๆ ไม่ค่อยรู้สึกเท่าไร จนเมื่อได้เป็นอาจารย์ผมถึงเข้าใจว่าการเรียนโทนั้นสำคัญ
ถ้าไม่ใช่ป.โทก็ไม่สามารถสอนคนอื่นได้ มันต้องมีวุฒิสูงกว่าป.ตรี แต่ถ้าเกิดพูดถึงป.ตรีที่ม.รังสิตในสาขาภาพยนตร์
ก็ดีนะเป็นสถาบันหนึ่งที่รู้สึกว่าสอนให้เราทำได้ สอนให้เราทำได้จริง
และเข้าใจขั้นตอนการทำภาพยนตร์จริงๆ โดยมีกา ปฏิบัติงานจริงๆ ซึ้งเราจะต้องคิดตั้งแต่ Main idea และ theme
ตั้งแต่ขั้นตอน
pre-production และ ขั้นตอนของproduction
พอถ่ายทำเสร็จแล้วเราก็มาทำ post production ก็คือมันครบทั้ง3ขั้นตอนเลย
แล้วก็คิดว่าที่มหาวิธยาลัยนี้ก็ค่อนข้างที่จะครบเหมือนกัน
ซึ้งอุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกให้นักศึกษาเนี้ยค่อนข้างจะดี
หลักสูตรของม.รังสิต แตกต่างจากม.อื่นยังไงบ้าง ในฐานะที่
อาจารย์เจตเป็นอาจารย์ทั้งของม.รังสิต และมหาลัยอื่น?
ที่อื่นเนี้ยเขาก็มีหลักสูตรที่ดี แต่ว่าหลักสูตรที่ม.รังสิตถ้าโดยส่วนตัวมันมีมานาน
ตั้งแต่25รุ่น ถ้าพูดถึงในฐานะเด็กม.รังสิต คือมันผ่านร้อนผ่านหนาวมาค่อนข้างเยอะ
แต่ในขณะเดียวกัน ม.ที่เราสอนอยู่มันมีแค่ 4รุ่น ซึ้งหลักสูตรมันยังไม่ค่อยลงตัว
จุดแข็งของม.รังสิตคือมันมีประสบการณ์มากกว่าคนอื่น เลยทำให้เด่นกว่า ม.อื่นๆ
เด็กม.รังสิตจบออกไปอาจารย์เจตได้เจอมากน้อยขนาดไหนคะ ที่ทำในวงการ?
ตอนสมัยทำงานเจอรุ่นพี่ แต่ก็เจอบ้างไม่เยอะ เพราะสมัยก่อนรุ่นเรา9
เราก็จะเจอรุ่น4 รุ่น6 แบบนี้ ก็มีหลายๆคนที่ทำงานกับท่านมุย
ก็พอจะรู้ข่าวสารว่าคนไหนทำกับใคร แต่ถ้าทำงานเจอะเจอกันในกองเนี้ยก็คงไม่ใช่
เพราะสมัยก่อนคนเรียนต่อรุ่นหนึ่งมันไม่ได้เยอะ
แต่สมัยนี้ช่องทางในภาพยนตร์มันเยอะขึ้น มันก็จะมีบุคลากรของม.รังสิตค่อนข้างเยอะ
และก็มีช่องทางเยอะ ถ้าอย่างสมัยก่อนก็แค่ คนทำหนังไปทำ TV โฆษณา หรือทำหนังตรงสายก็ไปทำ
แต่ว่าสมัยนี้มันทั้งซี่รี่ ซิทคอม มีอะไรที่มันแตกแขนงออกไปเยอะมาก
วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
ทำไม ม.รังสิต?
น้องๆหลายคน ที่กำลังสนใจ ภาพยนตร์ มหาลัยรังสิตอยู่เราขอเป็นคนรีวิวในแบบของเรา ตามความรู้สึกของเราโดยตรง จากเด็กที่เรียนโดยตรง น้องๆอาจจะเคยเปิดดูในเว็ปมหาลัยมาบ้าง แต่ก็ไม่รู้จริงๆว่า เป็นยังไง จะเหมือนที่ มหาลัยพูดไว้ไม รายวิชามันทำอะไรบ้าง บทความแหละ เราจะอธิบายทุกรายละเอียดที่เราคิดว่าเป็นจุดสำคัญ และเพื่อน้องๆจะนำไปตัดสินใจในอนาคตได้
มาเริ่มกันเลย!
สาขาภาพยนตร์ มีตั้งหลายมหาลัย ยิ่งเป็นนิเทศศาสตร์ไม่ต้องพูดถึง คณะยอดฮิต
แต่ทำไมละ? ทำไมเราถึงเลือก ม.รังสิต?
ต้องบอกก่อนว่าเรา (ขอแทนตัวเองว่าเราละกัน) ไม่ได้จบตามหลักสูตรปกติเหมือนคนอื่นๆเขา
เราสอบเทียบมา นั้นแสดงว่าเราไม่มี คะแนน GAT PAT หรืออะไรเลย เราเลยไม่สามารถเข้า ม.รัฐ ได้
แต่ม.รัฐ ก็มีนิเทศศาสตร์ภาคอินเตอร์?
มันก็จริง แต่ภาคอินเตอร์ คือเรียนทุกอย่างในสื่อสารมวลชน ไม่เจาะลึก คือรู้ทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่าง ได้ไม่รู้แบบเจาะลึก ซึ่งตัวเราเองสนใจ ภาพยนตร์ มากๆ ถ้าให้เราไปเรียนอย่างอื่นเรากลัวจะไม่มีความสุข เราเลยเลือก มหาลัยเอกชน ซึ่งแน่นอน มหาลัยที่ดังด้านนิเทศศาสตร์ มีอยู่ไม่กี่แห่งคือ
ม.กรุงเทพ และ ม.รังสิต
แต่ทำไมเราถึงเลือกม.รังสิต?
ตอนแรกเราก็จะเข้า ม.กรุงเทพแหละ ไปดูมหาลัยเรียบร้อย แต่เราต้องมาสะดุดกับคำว่า "สังคม"
ซึ่งเราไปรู้มา ทั้งwebsite และปากต่อปากเพื่อน และคนที่จบด้านนี้มา ว่า การเรียนการสอนแทบจะดีพอๆกัน แต่สังคมนั้นแตกต่างกัน ภาพยนตร์ มหาลัยรังสิต จะเน้นไปทางช่วยเหลือ ครอบครัวเดียวกัน ซึ่งเราชอบการอยู่ในแบบนี้มากกว่า แหละนี้คือเหตุผลที่เราเลือก ม.รังสิต แทน
เมื่อเราพูดถึง"ครอบครัว" ของ ภาพยนตร์ ม.รังสิตแล้ว
เรื่องที่จะพูดถึงไปไม่ได้คือ การรับน้อง
ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง highlight ที่น้องๆทุกคนตื่นเต้นกันเอามากๆ
สำหรับเราแล้ว ตอนปีหนึ่งนั้นการรับน้องเราไม่ค่อยได้เข้าเท่าไร
แต่ก็ไม่ถึงกับไม่รู้อะไรเลย .. ในความรู้สึกเราแล้ว พี่ๆตอนรับกันอบอุ่นมากๆ
รับน้องของสาขาเราจะรับกันทั้งหมด 1เดือนเต็มๆ ทุกๆตอนเย็น มีกิจกรรมเยอะแยะ
ให้เราได้รู้จักพี่ๆ และช่วงนี้แหละคือช่วงสำคัญที่เราจะได้ เพื่อน ได้พี่ มี connection
เราต้องบอกไว้เลยว่า connection สำคัญมากๆ เพราะ งานเกือบ 90% คืองานกลุ่ม
ถ้าเราไม่รู้จักใครเลยจะเป็นเรื่องยากในการเรียน
ซึ่งเราไม่รู้ว่ารับน้องแตกต่างจากม.อื่นยังไง แต่เราว่ามันสนุก
เราขอไม่เล่าละกันว่าเป็นยังไง แต่ถ้าใครอยากรู้ต้องมาลอง รับลองว่าไม่ผิดหวัง ;)
มาเริ่มกันเลย!
สาขาภาพยนตร์ มีตั้งหลายมหาลัย ยิ่งเป็นนิเทศศาสตร์ไม่ต้องพูดถึง คณะยอดฮิต
แต่ทำไมละ? ทำไมเราถึงเลือก ม.รังสิต?
ต้องบอกก่อนว่าเรา (ขอแทนตัวเองว่าเราละกัน) ไม่ได้จบตามหลักสูตรปกติเหมือนคนอื่นๆเขา
เราสอบเทียบมา นั้นแสดงว่าเราไม่มี คะแนน GAT PAT หรืออะไรเลย เราเลยไม่สามารถเข้า ม.รัฐ ได้
แต่ม.รัฐ ก็มีนิเทศศาสตร์ภาคอินเตอร์?
มันก็จริง แต่ภาคอินเตอร์ คือเรียนทุกอย่างในสื่อสารมวลชน ไม่เจาะลึก คือรู้ทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่าง ได้ไม่รู้แบบเจาะลึก ซึ่งตัวเราเองสนใจ ภาพยนตร์ มากๆ ถ้าให้เราไปเรียนอย่างอื่นเรากลัวจะไม่มีความสุข เราเลยเลือก มหาลัยเอกชน ซึ่งแน่นอน มหาลัยที่ดังด้านนิเทศศาสตร์ มีอยู่ไม่กี่แห่งคือ
ม.กรุงเทพ และ ม.รังสิต
แต่ทำไมเราถึงเลือกม.รังสิต?
ตอนแรกเราก็จะเข้า ม.กรุงเทพแหละ ไปดูมหาลัยเรียบร้อย แต่เราต้องมาสะดุดกับคำว่า "สังคม"
ซึ่งเราไปรู้มา ทั้งwebsite และปากต่อปากเพื่อน และคนที่จบด้านนี้มา ว่า การเรียนการสอนแทบจะดีพอๆกัน แต่สังคมนั้นแตกต่างกัน ภาพยนตร์ มหาลัยรังสิต จะเน้นไปทางช่วยเหลือ ครอบครัวเดียวกัน ซึ่งเราชอบการอยู่ในแบบนี้มากกว่า แหละนี้คือเหตุผลที่เราเลือก ม.รังสิต แทน
เมื่อเราพูดถึง"ครอบครัว" ของ ภาพยนตร์ ม.รังสิตแล้ว
เรื่องที่จะพูดถึงไปไม่ได้คือ การรับน้อง
ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง highlight ที่น้องๆทุกคนตื่นเต้นกันเอามากๆ
สำหรับเราแล้ว ตอนปีหนึ่งนั้นการรับน้องเราไม่ค่อยได้เข้าเท่าไร
แต่ก็ไม่ถึงกับไม่รู้อะไรเลย .. ในความรู้สึกเราแล้ว พี่ๆตอนรับกันอบอุ่นมากๆ
รับน้องของสาขาเราจะรับกันทั้งหมด 1เดือนเต็มๆ ทุกๆตอนเย็น มีกิจกรรมเยอะแยะ
ให้เราได้รู้จักพี่ๆ และช่วงนี้แหละคือช่วงสำคัญที่เราจะได้ เพื่อน ได้พี่ มี connection
เราต้องบอกไว้เลยว่า connection สำคัญมากๆ เพราะ งานเกือบ 90% คืองานกลุ่ม
ถ้าเราไม่รู้จักใครเลยจะเป็นเรื่องยากในการเรียน
ซึ่งเราไม่รู้ว่ารับน้องแตกต่างจากม.อื่นยังไง แต่เราว่ามันสนุก
เราขอไม่เล่าละกันว่าเป็นยังไง แต่ถ้าใครอยากรู้ต้องมาลอง รับลองว่าไม่ผิดหวัง ;)
เมื่อผ่านการรับน้องไปแล้วหลังจาก4ปีนี้เราต้องใช้ชีวิตอยู่ที่ มหาลัยแห่งนี้
แล้วสภาพแววล้อมรอบๆเป็นอย่างไรบ้าง?
เรื่องหอ
ทางมหาลัยมีหอพักนักศึกษารองรับ แต่! จองค่อนข้างยาก เพราะหอเต็มเร็วมากก
แต่หอในค่อนข้างสะดวกต่อการเดินไปเรียน เพราะ5นาทีก็สามารถถึง เข้าเรียนได้
เพระมหาลัยไม่ได้ใหญ่มาก แต่ถ้าให้เดินก็คงไม่เอา ฮ่าๆ
ส่วนหอนอกนั้น มีให้เลือกหลากหลาย มีสร้างขึ้นใหม่เป็นเด็กเห็น มีตั้งแต่ห้องราคาถูกแสนถูก
ถึงห้องราคาแพงหลักหมื่น บ้านก็มีให้เลือกเช่นกัน หอหญิงหอชายมีหมด ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะหาหอยาก
อาหารการกิน
อาหารมีให้เลือกหลากหลายรอบมหาวิธยาลัยเดินออกจากมหาลัยก็มีของกินเป็น10เป็น100
ของวงของหวาน ผลไม้ มีหมด! ชาบูเอ่ย บิงซูเอ่ย อาหารญี่ปุ่น มีเยอะจนพูดได้เลยว่า
เด็กปีหนึ่งน้ำหนักขึ้นทุกคน! (เราก็เช่นกัน)
ความปลอดภัย
อันนี้พ่อแม่ผู้ปกครองหลายๆคนคงเป็นห่วงเรื่องนี้กันไม่น้อย
เพราะม.รังสิตก็ดังเรื่องผับบาร์ซะด้วย แต่ตอนนี้ทางเมืองเอกได้สั่งงดสถานที่อโคจรทั้งหมด
ซึ่ง ถามว่ายังมีไหมตอนนี้? มี แต่ก็ไม่ได้เปิดปะเจิดปะเจ้อเหมือนแต่ก่อน
ซึ่ง ตอนกลางคืนก็ค่อนข้างอันตราย เป็นไปได้อย่ากลับดึกคนเดียว
บางซอยหอค่อนข้างเปรี่ยว แต่ที่ไหนก็อันตรายทั้งนั้น
แต่สำหรับเราอยู่มายังปกติดีไม่เคยเจอเรื่องไม่ดี
สภาพสังคม
ต้องขอเน้นว่าอันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้าวนจากที่เราเจอ
คือสังคมที่นี้ค่อนข้างหลากหลายเด็กมาจากทุกพื้นที่ในประเทศไทย
มีตั้งแต่ ธรรมดาจนถึงรวยมากๆ แต่ที่เรารู้สึกคนที่นี้ค่อนข้างติดดิน
แต่มันก็อยู่กับเพื่อนที่เราคบด้วย มหาลัยไหนก็มีสังคมที่หลากหลายทั้งนั้น
แต่ที่เราเจอคือ เพื่อนลุยๆ ติดดิน ไม่ได้วัตถุนิยมเหมือนที่หลายๆคนคิดเลย
มาที่นี้ได้หลากหลายภาษา ทั้งเหนือ กลาง อีสาน ใต้ 5555
นี้ก็คือเรื่องที่ควรรู้คราวๆเกี่ยวกับม.รังสิต บทความหน้าเราจะมาต่อเจาะลึกกันที่ สาขาของเราอยากแท้ๆกันบ้าง
วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559
แนะนำตัวผู้เขียน
สวัสดีทุกคนที่กำลังอ่านบล็อกของเราอยู่ เราขอแนะนำตัวเองก่อนเลยเราชื่อ พลอยไพลิน ตั้งประภาพร หรือจะเรียกว่า พลอยก็ได้ ตอนนี้เราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยรังสิต ในสาขาภาพยนตร์ ดูได้จากชื่อบล็อกก็รู้ ฮ่าๆ ตอนนี้เราเรียนอยู่ปีที่3แล้ว
นี้คือรูปตัวเราเอง จะเห็นได้ว่าที่มือเราถืออยู่คือกล้องถ่ายรูปแต่ความพิเศษของมันคือ
มันเป็นกล้องfilm ที่เป็นระดับ Hi-end Compact film ในสมัยก่อนมีชื่อรุ่นว่า Contax T2
ใช่..เราชอบถ่ายรูป เราเลยสนใจเข้ามาเรียนสาขานี้ แต่สาขานี้มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลย
อันนี้คือผลงานขอเราเป็นแค่ตัวอย่างหนังสั้นๆในวิชาจัดแสง เราสนใจในเรื่อง อวกาศ ดวงดาว Sci-fi เราก็เลยสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมา ผลงานนชิ้นนี้ทำตอนปี2เท่านั้น ถือว่าเป็นวิชาแรกที่เราทำเลยก็ได้
ดูเหมือนจะยากใช่ไหม? มันก็ยากจริงๆแหละ แต่มันก็ไม่เกินความสามารถของคนที่รักและสนใจในด้านนี้จริงๆหรอก
แต่ถ้าใครอยากจะเจาะลึก รู้ลึกเกี่ยวกับ สาขานี้ มหาลัยนี้ ก็เชิญติดตามกันได้ที่บทความต่อไปเลยจ้า :)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)